คนอินเดียโบราณรู้จักภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีทั้งหมู่เกาะคาบสมุทรและแผ่นดินใหญ่ว่าเป็นดินแดนโพ้นทะเลที่เรียกว่า ‘สุวรรณภูมิ’ เป็นภูมิภาคที่มีผู้คนอยู่แล้ว เป็นบ้าน [Village] เป็นเมือง [Town] และรัฐ [Early state] มาแล้วแต่สมัยยุคเหล็กตอนปลาย คือราว ๕๐๐ BC. ลงมา เป็นดินแดนแห่งความมั่งคั่งไปด้วยทรัพยากร แร่ธาตุ และของป่านานาชนิดที่พ่อค้าคนอินเดียแล่นเรือข้ามทะเลมหาสมุทรอินเดียมาค้าขายกับคนพื้นเมือง จึงกล่าวถึงการเดินเรือมาค้าขายของคนอินเดียในเอกสารโบราณ เช่น ใน ‘คัมภีร์อรรถศาสตร์’ อันเป็นตำราในการปกครองบ้านเมืองที่เป็นอาณาจักรมคธครั้งพระเจ้าอโศกมหาราช และบรรดาคัมภีร์ทางศาสนารวมทั้งตำนานชาดกอันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการปกครองบ้านเมืองของ ‘ราชามหากษัตริย์’ ครั้งที่พระพุทธเจ้ายังเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ในพระชาติต่างๆ ของการบำเพ็ญบารมี
การเข้ามาค้าขายของคนอินเดียกับคนพื้นเมืองของสุวรรณภูมิแต่ครั้งนั้น คือการปะทะสังสรรค์ระหว่างกันในทางเศรษฐกิจและสังคมของคนในสมัยประวัติศาสตร์ที่มีอารยธรรมเป็นบ้านเป็นเมืองและรัฐเมื่อราว ๑,๐๐๐ BC. มาแล้ว คนพื้นเมืองในภูมิภาคสุวรรณภูมิมีความเจริญเติบโตทางสังคม จากชุมชนบ้านและเมืองมาเป็นรัฐแรกเริ่มที่เป็นรัฐเล็กๆ ที่บรรดานักโบราณคดีเรียกว่า ‘ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย’ หรืออีกนัยหนึ่งคือ ‘สมัยเหล็กตอนปลาย’ เมื่อประมาณ ๕๐๐ BC. ลงมา
การปะทะสังสรรค์อันเนื่องจากการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าทางเศรษฐกิจอันเป็นเรื่องของทางวัตถุที่มีผลไปถึงความสัมพันธ์ทางสังคมและวัฒนธรรมของกลุ่มคนที่มีระดับความเจริญทางวัฒนธรรมที่ต่างกัน คือ ระหว่างคนอินเดียที่มีอารยธรรม [Civilization] กับคนพื้นเมืองที่มีความเจริญในระดับวัฒนธรรมท้องถิ่น [Local culture] ของสังคมที่มีพัฒนาการเป็นบ้านเมืองและรัฐแรกเริ่มเท่านั้น จึงเป็นผลที่ทำให้เกิดการรับวัฒนธรรม [Culture contact] ของคนอินเดียที่เจริญกว่าเข้ามาปรับใช้และเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมดั้งเดิม [Folk culture] ของผู้คนแต่ละรัฐและบ้านเมืองที่มีมาแต่เดิม